Level# 697👉⚡⚡ การทดลองดิน (Soil Test) ในสนามรวมทั้งในห้องทดลองมีอะไรบ้าง?

  • 14 Replies
  • 26 Views
*

Jenny937

  • *****
  • 5473
    • View Profile
การทดลองดิน (Soil Test) เป็นกระบวนการสำคัญในการพิจารณาคุณสมบัติแล้วก็ลักษณะของดิน ซึ่งมีบทบาทสำคัญสำหรับการวางแผนรวมทั้งวางแบบส่วนประกอบ อีกทั้งในการก่อสร้างและก็เกษตรกรรม การทดสอบดินช่วยทำให้เราทราบถึงคุณลักษณะด้านกายภาพและทางเคมีของดิน ซึ่งเป็นข้อมูลที่จำเป็นสำหรับเพื่อการตกลงใจเกี่ยวกับการก่อสร้าง การเลือกพืชที่จะปลูก และการจัดการดินในด้านต่างๆ



การทดสอบดินสามารถทำเป็นทั้งในสนาม (Field Testing) และในห้องทดลอง (Laboratory Testing) โดยแต่ละแนวทางมีจุดหมายรวมทั้งขั้นตอนที่นาๆประการ บทความนี้จะเอ๋ยถึงการทดสอบดินทั้งสองชนิดนี้ โดยย้ำที่การชี้แจงชนิดการทดสอบที่นิยมใช้แล้วก็เหตุผลที่การทดสอบเหล่านี้มีความจำเป็น

🌏✅🥇การทดสอบดินในสนาม (Field Testing)🦖👉⚡

การทดลองดินในสนาม (Field Soil Test) เป็นการทดลองที่ทำ ณ สถานที่ก่อสร้างหรือพื้นที่ที่อยากได้วิเคราะห์คุณลักษณะของดิน การทดลองในสนามมีข้อดีที่สามารถพินิจพิจารณาดินได้ในทันที โดยไม่ต้องขนย้ายตัวอย่างดินมายังห้องปฏิบัติการ นอกจากนี้ ยังสามารถแสดงผลลัพธ์การทดลองที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมจริงของพื้นที่ได้

1. การทดลองความหนาแน่นของดินในสนาม (Field Density Test)
การ ทดลองความหนาแน่นของดินในสนาม เป็นการทดลองที่ใช้เพื่อวัดความหนาแน่นของดินในภาวะที่ถูกบดอัดแล้ว การทดลองนี้ช่วยทำให้รู้ดีว่าดินมีความหนาแน่นเพียงพอที่จะรองรับส่วนประกอบที่จะสร้างขึ้นได้หรือไม่ โดยมีวิธีการทดลองที่นิยมใช้ ดังเช่น Sand Cone Method และก็ Nuclear Density Test

Sand Cone Method: เป็นวิธีการทดลองที่ใช้กรวยทรายสำหรับในการเติมลงในหลุมที่ถูกขุดเพื่อวัดขนาดของดินที่ถูกขุดออกไป แนวทางนี้ใช้ทรายมาตรฐานสำหรับการทดลองและก็เป็นแนวทางที่นิยมใช้เยอะที่สุด
Nuclear Density Test: เป็นการใช้อุปกรณ์นิวเคลียร์สำหรับในการวัดความหนาแน่นของดินโดยไม่ต้องขุดหลุม วิธีการแบบนี้เป็นแนวทางที่เร็วทันใจและแม่น แต่อยากได้การจัดการที่รอบคอบเพราะว่าเกี่ยวโยงกับสิ่งของนิวเคลียร์

เสนอบริการ เจาะดิน | บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท ซอยล์ เซอร์วิส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท Soil Test บริการ เจาะดิน วิเคราะห์และทดสอบตัวอย่างดิน ทดสอบเสาเข็ม (Seismic Integrity Test)

👉 Tel: 064 702 4996
👉 Line ID: @exesoil
👉 Facebook: https://www.facebook.com/exesoiltest/

2. การทดสอบความแข็งแรงของดิน (Field Vane Shear Test)
การทดลองนี้ใช้สำหรับการวัดความแข็งแรงของดินเหนียวที่มีความอ่อนนุ่มหรือดินที่อิ่มตัว การ Field Vane Shear Test ทำโดยการหมุนใบวาน (Vane) เข้าไปในดินรวมทั้งวัดแรงบิดที่จะต้องใช้สำหรับเพื่อการหมุนใบวานเพื่อคำนวณความแข็งแรงของดิน วิธีแบบนี้ใช้ในงานวิศวกรรมพื้นฐาน เป็นต้นว่า การวิเคราะห์ความมีประสิทธิภาพของดินในพื้นที่ที่จะก่อสร้าง

3. การทดลองการซึมผ่านของน้ำในดิน (Permeability Test)
การทดลองนี้ใช้เพื่อสำหรับการวัดความรู้ความเข้าใจของดินสำหรับการซึมผ่านของน้ำ การ Permeability Test ในสนามช่วยทำให้วิศวกรรู้ถึงความเร็วที่น้ำสามารถไหลผ่านดินได้ ซึ่งมีความหมายในการออกแบบระบบระบายน้ำแล้วก็การจัดการน้ำในเขตก่อสร้าง การทดสอบนี้สามารถทำได้ทั้งในสถานที่ใช่หรือโดยการนำตัวอย่างดินไปทดสอบในห้องทดลอง

🌏🛒🎯การทดลองดินในห้องทดลอง (Laboratory Testing)🥇🥇🎯

การทดสอบดินในห้องทดลอง (Laboratory Soil Test) เป็นการทดลองที่ต้องนำตัวอย่างดินจากเขตก่อสร้างมายังห้องปฏิบัติการเพื่อพินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วน การทดสอบในห้องปฏิบัติการมีความแม่นยำสูง และสามารถวิเคราะห์คุณสมบัติต่างๆของดินได้มากมายมากยิ่งกว่าการทดลองในสนาม

1. การทดลองแรงอัดแกนเดียว (Unconfined Compression Test)
การ Unconfined Compression Test เป็นการทดสอบแรงอัดของดินโดยไม่ต้องใช้แรงข้างๆเพื่อวัดความแข็งแรงของดิน วิธีการแบบนี้ใช้เพื่อสำหรับการพินิจพิจารณาความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการรองรับน้ำหนักของดินเหนียวที่ถูกอัด การทดลองนี้มักใช้กับดินเหนียวที่ไม่มีการแตกหักและถูกบีบอัดเป็นทรงกระบอก

2. การทดลองค่าขีดจำกัดของความเป็นพลาสติก (Atterberg's Limits Test)
การทดสอบ Atterberg's Limits ใช้ในลัษณะของการหาค่าข้อจำกัดความเป็นพลาสติกของดิน (Plastic Limit - P.L., Liquid Limit - L.L., รวมทั้ง Shrinkage Limit - S.L.) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความรู้ความเข้าใจของดินสำหรับในการเปลี่ยนรูปแบบเมื่อมีการเพิ่มหรือลดจำนวนน้ำ การทดลองนี้มีความหมายในการประเมินคุณลักษณะทางมายากลของดินและก็การคาดการณ์ความประพฤติของดินภายใต้สิ่งแวดล้อมต่างๆ

3. การทดลองผู้กระทำระจายขนาดของเม็ดดิน (Sieve Analysis Test)
Sieve Analysis เป็นการทดสอบที่ใช้สำหรับเพื่อการพินิจพิจารณาการกระจายตัวของขนาดเม็ดดิน วิธีนี้ช่วยให้วิศวกรทราบถึงลักษณะผู้กระทำระจายตัวของขนาดเม็ดดินในแบบอย่างดิน ซึ่งมีความหมายในการพินิจพิจารณาองค์ประกอบดินรวมทั้งการออกแบบองค์ประกอบโครงสร้างรองรับ การทดสอบนี้มักใช้กับดินหยาบคายหรือดินที่มีเม็ดขนาดใหญ่.

4. การทดสอบการซึมผ่านของน้ำในดิน (Permeability Test)
นอกจากการทดสอบในสนาม การ Permeability Test ยังสามารถทำในห้องปฏิบัติการเพื่อวิเคราะห์การซึมผ่านของน้ำในดินอย่างถี่ถ้วนมากขึ้นเรื่อยๆ แนวทางลักษณะนี้ช่วยให้ได้ข้อมูลที่แม่นเกี่ยวกับอัตราการซึมผ่านของน้ำในดิน ซึ่งมีความหมายสำหรับเพื่อการวางแบบระบบระบายน้ำแล้วก็ป้องกันการกักเก็บน้ำในส่วนประกอบเบื้องต้น

5. การทดลองค่าความหนาแน่นของดิน (Proctor Compaction Test)
การ Proctor Compaction Test เป็นการทดลองในห้องปฏิบัติการที่ใช้ในการใส่ความหนาแน่นสูงสุดของดินรวมทั้งจำนวนน้ำที่เหมาะสมสำหรับการบดอัดดิน การทดลองนี้ช่วยให้วิศวกรสามารถประเมินความสามารถสำหรับการรองรับน้ำหนักของดินเมื่อมีการบดอัด ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญในการวางแผนแล้วก็ดีไซน์โครงสร้างรองรับ

🥇🎯📢สรุป⚡✨🛒

การทดลองดิน (Soil Test) มีความสำคัญอย่างมากสำหรับในการวางแผนและออกแบบโครงสร้าง ทั้งยังในการก่อสร้างและทำการเกษตร การทดลองดินในสนามแล้วก็ในห้องทดลองมีบทบาทที่แตกต่างกัน โดยการทดสอบในสนามให้ข้อมูลที่สามารถใช้ได้โดยทันทีในสภาพแวดล้อมจริง ในเวลาที่การทดสอบในห้องปฏิบัติการให้ผลลัพธ์ที่มีความเที่ยงตรงและรายละเอียดสูงขึ้นยิ่งกว่า

การเลือกใช้แนวทางการทดลองดินที่เหมาะสมกับจำพวกของดินแล้วก็ความต้องการของแผนการเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้การคิดแผนแล้วก็การตัดสินใจในการก่อสร้างหรือการจัดการดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ข้อมูลจากการทดสอบดินอย่างแม่นยำจะช่วยลดความเสี่ยงสำหรับในการเกิดปัญหาทางองค์ประกอบรวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการดำเนินโครงงานได้อย่างมากในวันข้างหน้าต่อไป
Tags : บริษัท เจาะสำรวจดิน