🛒เจาะสำรวจดิน👉 สิ่งจำเป็น ✅แต่คนมองข้าม ทำไมต้องเจาะสำรวจดิน?🌏

  • 4 Replies
  • 124 Views
*

kaidee20

  • *****
  • 5579
    • View Profile
📌✨🛒โดยปกติแล้วเมื่อท่านทำการก่อสร้างบ้านหรืออาคาร🥇 ถ้าท่านไม่ใช่วิศวกรส่วนใหญ่ก็จะทำตามแนวทางที่ผู้รับเหมาก่อสร้างแนะนำ✨ แต่ผู้รับเหมาบางเจ้า✨ต้องการลดค่าใช้จ่าย📢 (ต้องขอย้ำว่าไม่ใช่ทุกรายนะครับ🌏) ก็จะละเว้นการทดสอบบางอย่างที่เห็นว่าไม่จำเป็น📌 ซึ่งสิ่งแรก ๆ ที่ตัดสินใจตัดออกคงหนีไม่พ้นเรื่องการเจาะสำรวจดินก็เป็นแน่🌏 ในบทความนี้จะอธิบายความสำคัญของการเจาะสำรวจดินก่อนการก่อสร้าง🥇 ว่าไม่ควรมองข้ามและมีประโยชน์อย่างไร📌



🛒📌🦖🎯ความสำคัญของการเจาะสำรวจดิน🛒📌🦖🎯📢

1. เพื่อทราบชนิดและประเภทของดินใต้พื้นที่ก่อสร้าง🌏 เพื่อทำให้ทราบลักษณะเชิงกล📌 เพื่อเลือกฐานรากที่เหมาะสม📢 หากดินมีความแข็งแรงเพียงพอ อาจเลือกใช้ฐานแผ่🦖
2. ทำให้ทราบความลึกของชั้นดินดาน (ดินแข็ง)⚡ ว่าอยู่ลึกลงไปเท่าไร เพื่อจะได้คำนวณกำลังรับน้ำหนักของเสาเข็ม✨ และการประเมินความยาวเสาเข็มที่เหมาะสม👉
3. การลดข้อผิดพลาดในการตอกเสาเข็ม🌏 หากเจอชั้นดินแข็งแต่ไม่หนา ที่ชั้นความลึกน้อย ๆ🥇 อาจทำให้หยุดตอกเสาเข็มเพราะคิดว่าถึงชั้นดินแข็ง🎯 แต่จริง ๆ สามารถตอกทะลุลงไปได้หากเข่นลงไปอีกซักพัก👉
4. หากดินในบริเวณที่สำรวจมีความผันผวนมาก⚡ วิศวกรอาจสั่งให้เจาะสำรวจดินหลาย ๆ หลุมเพื่อเปรียบเทียบ📌 อาจต้องออกแบบฐานรากหลายแบบเพื่อก่อสร้างอาคารในบริเวณนั้น🌏

📢🌏⚡📢ประเภทของการเจาะสำรวจดินที่นิยมใช้📢🛒📌🦖🌏

1. การใช้เครื่องเจาะ Motorized Drilling Rig🦖
เครื่องเจาะที่เคลื่อนย้ายสะดวก📢 อีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าบรรดาหน่วยเจาะสำรวจดิน🛒 ว่ากันด้วยเรื่องของความง่าย🎯 และรวดเร็วในการติดตั้ง✨ ทำให้งานเจาะสำรวจดินเสร็จเร็วขึ้น ในที่นี้ขอกล่าวถึง การเจาะสำรวจดินแบบฉีดล้าง (Wash Boring)👉 ก็จะเป็นในลักษณะของการใช้เครื่องสูบน้ำช่วยเจาะด้วยหัวกระทุ้ง (Chopping Bit)🦖 ต่อจากก้านเจาะ🎯 ปลายบนต่อกับหัวหมุน✨ ซึ่งจะต่อไปยังเครื่องสูบน้ำขณะทำการกระทุ้งดินด้วยเครื่องกว้าน📌 จะทำการฉีดน้ำผ่านรูก้านเจาะ🛒 น้ำที่ฉีดจะไหลวนขึ้นมาพร้อมกับเศษดิน ซึ่งจะมาตกในบ่อน้ำวน จนได้ความลึกที่ต้องการเก็บตัวอย่าง
การเจาะตลอดความลึกของหลุมเจาะ ในชั้นดินเหนียวอ่อน✨ หลุมเจาะจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้วและลดลงเหลือ 3 นิ้ว ในชั้นดินแข็ง⚡ ระหว่างดำเนินการเจาะสำรวจดินก็ต้องมีการฝัง Casing📢 ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้วลงไปจนถึงดินแข็ง✨ เพื่อป้องกันการพังทลาย🥇 และใช้ สารละลายเบนโทไนต์📌 ช่วยป้องกันการพังในชั้นทราย👉 ทำการเจาะจนถึงชั้นดินแข็งที่มีค่า SPT-N มากกว่า 50👉

2.การใช้เครื่องเจาะแบบ Rotary Drilling✨
สามารถใช้เจาะดินได้ทุกประเภท📌 เป็นลักษณะของเครื่องมือเจาะที่มีประสิทธิภาพสูง🥇 ด้วยระบบไฮดรอลิก🥇 เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแทนแรงงานคน🦖 สามารถเจาะได้ลึกกว่า 40 เมตร✨ โดยใช้เครื่องยนต์ Rotary Drilling Rig⚡ ที่ส่งกำลังปั่นหัวเจาะลงไปลึกในระดับความเร็วที่ต้องการ📢 ดินจะถูกปั่นขึ้นมาตาม (flight auger)🌏
วิธีนี้เครื่องยนต์จะใช้กำลังบิดหัวเจาะมาก🥇 ดังนั้นจึงมักเจาะช่วงสั้น ๆ เช่น 1.5 เมตร🥇 แล้วยกหัวเจาะขึ้นนำดินออก✨ แล้วจึงนำไปเจาะต่ออีก 1.5 เมตร⚡ จึงสามารถตรวจลักษณะชั้นดินได้ตลอดความลึก📢 การใช้หัวเจาะผนวกกับการเจาะสำรวจดินแบบฉีดล้าง📢 หรือจะเป็นไปในลักษณะของการเจาะสำรวจดินด้วยความเร็วสูง📌 ทำให้ตัดดินและปล่อยน้ำ👉 โดยใช้แรงดันน้ำจากปั๊มน้ำแรงดันสูง📢 เพื่อพาดินตัดขาดแล้วกลับขึ้นมาที่ผิวดิน✨ เศษดินและหินถูกส่งขึ้นมาพร้อมน้ำจากหัวเจาะ🦖 ในดินแข็งหลุมที่เจาะจะเปิดไม่พังทะลาย🦖

แต่ในดินแบบ soft clay หรือ sand🌏 ต้องสวมท่อเหล็กเพื่อป้องกันดินพังทลาย👉 หรือใช้ drilling mud (น้ำผสมสาร Bentonite)🎯 ผสมลงในน้ำที่ฉีดลงไปในหลุมเจาะ เพื่อป้องกันการพังทลาย⚡ นอกจากจะทำให้ผนังและหลุมเจาะไม่พัง ยังช่วยพาเศษวัสดุขึ้นมาด้วย🥇 เป็นเหตุให้หลุมเจาะสะอาด ในกรณีพบหินแข็งต้องเป็นหัวเจาะเพชรเพื่อกัดลงในชั้นหินให้ได้พร้อมเก็บตัวอย่างแท่งหิน⚡ จึงเรียกว่า การเจาะหิน (Rock Coring)🛒